อัลลินา เดย์ Bangkok Thailand
ความรู้ อาหาร ไลฟ์สไตล์

พารู้จัก “การฝากไข่” ทางออกสำหรับผู้ที่อยากมีลูกแต่ยังไม่พร้อมหรือมีบุตรยาก

สาว ๆ ที่วางแผนจะมีลูกในอนาคตแต่ว่ายังไม่พร้อม ผู้ที่มีภาวะมีบุตรยาก หรือผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวแต่ต้องการมีบุตร ทีมแอดมินจะพามาทำความรู้จัก การฝากไข่คืออะไร ทำไมต้องฝากไข่ ฝากไข่เพื่ออะไร ขั้นตอนการฝากไข่เป็นอย่างไร และต้องปฏิบัติตัวอย่างไรเมื่อจะทำการฝากไข่ เพื่อสอบถามความต้องการของตัวเอง และเตรียมพร้อมก่อนตัดสินใจ 

การฝากไข่คืออะไร

การฝากไข่ คือ การการนำเซลล์ไข่ออกมาเพื่อการเก็บรักษาเอาไว้เพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพตามเวลา โดยวิธีการแข่แข็งไข่ ( egg freezing หรือ oocyte cryopreservation) นำเซลล์ไข่ไปแช่แข็งในสารไนโตรเจนเหลว สามารถทำได้ในคุณผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ แนะนำให้ทำก่อนอายุ 35 ปี เพื่อโอกาสได้ไข่ที่มีปริมาณมากพอและมีคุณภาพที่ดี

การฝากไข่คืออะไร 

การฝากไข่ คือ การนำเซลล์ไข่ออกมาเก็บรักษา เพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพตามกาลเวลา เพราะเมื่ออายุมากขึ้น เซลล์ไข่ก็จะเสื่อมลงเรื่อย ๆ จนไม่สามารถทำการตกไข่ ส่งผลให้มีบุตรยาก หรือไม่สามารถมีบุตรได้ ด้วยวิธีการเก็บไข่ผู้หญิง คือ การแช่แข็งไข่ในสารไนโตรเจนเหลว (Egg freezing / Oocyte cryopreservation) 

ฝากไข่เพื่ออะไร 

การฝากไข่เป็นการนำไข่ไปแช่แข็ง เพื่อหยุดอายุเซลล์ของไข่ไม่ให้เสื่อมสภาพ เพื่อรักษาไข่ให้มีสภาพสมบูรณ์พร้อมใช้เสมอ 

ฝากไข่อายุเท่าไรดี 

การฝากไข่ สามารถทำได้ในผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ แต่แนะนำให้ฝากไข่ในช่วงอายุ 25 – 35 ปี เนื่องจากร่างกายยังแข็งแรง มีโอกาสที่จะได้ไข่ที่มีคุณภาพดี และอาจได้ในปริมาณมาก ซึ่งผลงานวิจัยพบว่าผู้หญิงส่วนใหญ่หลังจากอายุ 35 ปีขึ้นไป จำนวนไข่และคุณภาพไข่ลดลงเรื่อย ๆ หากต้องการฝากไข่ อายุ 40 ก็อาจสามารถทำได้ แต่ควรให้แพทย์ทำการตรวจสุขภาพ เพื่อทำการวินิจฉัยว่าสามารถทำได้หรือไม่ ทำแล้วมีโอกาสได้ผลมากหรือน้อย และจะมีผลข้างเคียงต่อสุขภาพหรือไม่ แต่ไม่ควรฝากไข่เมื่ออายุเกิน 45 ปี เพราะอาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพ และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดความผิดปกติในเด็ก หรือเสี่ยงต่อการที่เด็กในครรภ์มีภาวะโครโมโซมผิดปกติ หรือ ภาวะดาวน์ซินโดรม (Down syndrome) 

ขั้นตอนการฝากไข่

  1. ฉีดยากระตุ้นไข่ โดยแพทย์จะให้ยากระตุ้นในปริมาณที่เหมาะสมในแต่ละเคส แล้วให้ทำการฉีดยาบริเวณหน้าท้องด้วยตนเอง เพื่อเร่งการเจริญเติบโตของไข่ ประมาณ 8 -10 วัน
  2. ติดตามผลการกระตุ้นไข่ ด้วยการอัลตราซาวด์ ประมาณ 3 – 4 ครั้ง เพื่อดูการเจริญเติบโตของไข่ 
  3. ฉีดยาเหนี่ยวนำการตกไข่ เมื่อไข่เติบโตได้ขนาดที่เหมาะสม (18 มิลลิเมตรขึ้นไป) แพทย์จะให้ยาเหนี่ยวนำให้ไข่ตก และเก็บไข่หลังฉีดยาประมาณ 36 ชั่วโมง 
  4. เก็บไข่ แพทย์จะทำการอัลตราซาวด์เพื่อระบุตำแหน่งไข่ แล้วใช้ยาระงับความรู้สึกภายใต้การดูแลของวิสัญญีแพทย์ จากนั้นจึงใช้เข็มเจาะเข้าไปในรังไข่ เพื่อดูดเซลล์ไข่ออกมา 

การแช่แข็งไข่ทำอย่างไร 

แพทย์จะนำเซลล์ไข่ที่สมบูรณ์ไปแช่แข็งในไนโตรเจนเหลวที่อุณหภูมิ -196 องศาเซลเซียส เพื่อให้เซลล์ไข่อยู่ในสภาพที่เหมาะสมอยู่เสมอ ซึ่งทุกขั้นตอนจะอยู่ภายใต้การดูแลโดยผู้ชำนาญการเฉพาะทาง 

การเตรียมตัวสำหรับวันเก็บไข่ต้องทำอย่างไรบ้าง

  1. งดน้ำและอาหารอย่างน้อย 8 ชั่วโมงก่อนทำการเก็บไข่
  2. งดฉีดน้ำหอม เพื่อไม่ให้รบกวนเซลล์ไข่ 
  3. งดการตกแต่งสีเล็บมือ เล็บเท้า และงดการใส่คอนแทคเลนส์ เพื่อใช้ประเมินร่างกายขณะให้ยาระงับความรู้สึก 
  4. ควรไปให้ตรงเวลานัดหมาย เพราะมีผลต่อระยะเวลาการเก็บไข่ 

หลังการเก็บไข่ ควรปฏิบัติตัวอย่างไร 

  1. หลังจากผ่านการเก็บไข่ จะมีอาการปวดท้องน้อยคล้ายกับการปวดประจำเดือน และอาจมีเลือดออกทางช่องคลอดเล็กน้อย ควรทานยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด 
  2. งดการออกกำลังกายหักโหม และห้ามยกของหนัก หลังจากมีการเก็บไข่ 1 สัปดาห์
  3. หลีกเลี่ยงการเดินทางกลับเพียงลำพัง หรืองดการขับรถด้วยตนเอง ควรมีผู้ดูแลมาด้วยอย่างน้อย 1 คน หรือมีผู้อื่นคอยขับรถให้ 
  4. งดการมีเพศสัมพันธ์อย่างน้อย 1 สัปดาห์ 
  5. หมั่นสังเกตอาการตนเองหลังจากเก็บไข่ หากมีอาการผิดปกติ เช่น ปวดท้องมาก หรือมีอาการท้องบวม ควรรีบไปพบแพทย์ทันที 

วิธีการนำไข่แช่แข็งมาใช้ 

เมื่อผู้ที่ฝากไข่พร้อมมีบุตร แพทย์จะนำไข่ที่แช่แข็งไว้ไปละลาย เพื่อทำการผสมกับอสุจิด้วยวิธีการ ICSI หรือ IVF  เพื่อให้ได้เป็นตัวอ่อน จากนั้นทำการย้ายกลับเข้าโพรงมดลูกเพื่อรอการฝังตัวในการตั้งครรภ์ต่อไป โดยทุกขั้นตอนจะอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างใกล้ชิด เนื่องจากกระบวนการเก็บไข่จะมีการใช้ปริมาณยา รวมไปถึงการดูแลผู้เก็บไข่ในแต่ละรายแตกต่างกันไป