ยิ่งเทคโนโลยีก้าวหน้าไปมากเท่าไร กิจวัตรประจำวันของมนุษย์ก็ยิ่งมีการปรับเปลี่ยน และเต็มไปด้วยการแข่งขัน เพื่อก้าวให้ทันกับโลกาภิวัฒน์ที่หมุนไปอย่างรวดเร็ว ทำให้หลายสิ่งหายไปกับกาลเวลาเช่นกัน รวมไปถึงมารยาทไทยอันน่ารักที่เราเคยมี
มารยาท คือ กิริยาที่แสดงออกถึงความสุภาพและการให้เกียรติผู้อื่นอย่างถูกกาลเทศะ ทั้งในส่วนของคำพูดและท่าทางทางกาย ซึ่งการอยู่ร่วมกันในคนหมู่มาก การมีมารยาทสังคมจะช่วยให้อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ไร้ปัญหาวุ่นวาย เพราะทำให้คนพึงระลึกว่าอะไรควรทำ และอะไรไม่ควรทำ เมื่อต้องอยู่ร่วมกับผู้อื่น
น่าเสียดาย ที่ความเจริญทางวัตถุในปัจจุบัน ที่เป็นจุดบอดให้คนส่วนใหญ่นึกถึงแต่ตัวเองมากเกินไป จนกลายเป็นคนไม่น่ารักแบบไม่รู้ตัว หากอยากรู้ว่าเรากำลังเป็นคนไม่น่ารักอยู่หรือเปล่า หรืออยากให้ใครเห็นใครก็รักและเอ็นดู ต้องรู้มารยาทมีอะไรบ้าง ทำให้เป็นนิสัย รับรองไปที่ไหนก็มีแต่คนเมตตา
1. มีความเกรงใจ
ความเกรงใจเป็นสมบัติของผู้ดี ซึ่งผู้ดีในที่นี้ไม่ได้หมายคนมียศฐาบรรดาศักดิ์ หรือคนมีเงินจนถูกเปรียบเทียบเรียกว่าผู้ดี แต่ ผู้ดี ในที่นี้คือ ผู้ที่มีการอบรมมาดี มีจิตสำนึกดี เป็นผู้มีมารยาทดีทั้งต่อหน้าและลับหลัง โดยไม่เกี่ยวกับยศ ตำแหน่ง และชาติตระกูล เพราะเราไม่ได้อยู่คนเดียวในโลกใบนี้ การรู้จักเกรงใจผู้อื่นจึงเป็นสิ่งที่ทุกคนควรมีอันดับแรก สำหรับในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น
2. ขออนุญาต ไม่ถือวิสาสะ
การขออนุญาต ก็เป็นอีกมารยาทที่คนในปัจจุบันหลงลืม การจะหยิบของใครไปใช้ ควรจะสอบถามเพื่อขออนุญาตเสียก่อน ไม่ว่าจะหยิบยืมไปใช้ หรือการหยิบของส่วนตัวของผู้อื่น ถึงจะมีความสนิทต่อกันแค่ไหน ก็ควรบอกกล่าวก่อน เพราะอาจเป็นของที่เขาไม่ต้องการให้ใครมาใช้หรือรับรู้ เช่น การหยิบโทรศัพท์ผู้อื่นไปดู หรือแม้แต่เมื่อเขาให้ดูอะไรในโทรศัพท์ ก็ควรดูแต่ในสิ่งที่เขาให้ดูเท่านั้น ไม่ควรเลื่อนไปดูสิ่งอื่น ให้นึกถึงใจเขาใจเรา เพราะคุณเองก็คงไม่ชอบใจใช่ไหม ถ้าใครจะหยิบของไปโดยไม่บอก หรือส่องโทรศัพท์ของเราที่ไม่ได้อยากแชร์ให้ใครรู้
3.ขอบคุณ – ขอโทษ ให้เป็นนิสัย
ไม่ว่าผ่านไปกี่ยุคสมัย คำว่า “ขอบคุณ” และ “ขอโทษ” ยังคงสร้างเสน่ห์ให้กับผู้พูดเสมอ และเป็นความน่ารักที่ทำได้ไม่ยาก ใคร ๆ ก็ทำได้ หัดพูดให้เคยชินจนกลายเป็นนิสัย ขอบคุณ ทุกครั้งที่ได้รับ และขอโทษทุกครั้งเมื่อทำผิด หรือทำในสิ่งที่อาจกระทบกับความรู้สึกของใคร นอกจากจะทำให้ผู้พูดดูน่ารัก เป็นคนมีมารยาทแล้ว มันยังจรรโลงใจต่อผู้ได้ยิอีกด้วย คำสั้น ๆ ที่พูดได้ง่าย แต่ช่วยเพิ่มความน่ารักให้คนพูดและสังคมได้เยอะเลย แต่ต้องใส่ความจริงใจเข้าไปด้วยนะ เหมือนกับดอกไม้แท้ยังไงก็ดูสวยและสดชื่นกว่าดอกไม้ปลอม ใช่ไหมล่ะ
4. รู้จักกาลเทศะ
กาลเทศะ คือ เวลา (กาล) และ สถานที่ (เทศะ) ในที่นี้จึงหมายถึง รู้ว่าอะไรควรทำและไม่ควรทำ ต่อเวลาหรือสถานที่นั้น ๆ ทั้งคำพูด การแสดงออก การแต่งตัว เช่น ไม่พูดตอกย้ำความผิดพลาดกับเพื่อนร่วมงาน ไม่พูดซ้ำเติมเมื่ออีกฝ่ายกำลังเสียใจ การแต่งตัวมิดชิดเมื่อไปวัด แต่งกายสุภาพเมือไปสถานที่ราชการ หรือแม้แต่การพูดกับผู้ใหญ่หรือผู้ที่สูงวัยกว่า ไม่ควรพูดเหมือนกับตอนพูดกับเพื่อน เป็นต้น ผู้ที่รู้จักกาลเทศะมักได้รับความเมตตาจากผู้ใหญ่มากกว่าคนไร้มารยาท
5. ไม่พูดแทรก
คนน่ารักต้องมีมารยาทในการสนทนา ด้วยการไม่พูดแทรกระหว่างที่คนอื่นกำลังพูดคุยกันอยู่ หรือถ้าจำเป็นก็ต้องขออนุญาต และเอ่ยคำขอโทษในการขัดจังหวะ หรือถ้าพูดคุยอยู่กับใครก็รอให้อีกฝ่ายพูดให้จบ แล้วจึงค่อยต่อบทสนทนา หรือแสดงความคิดเห็น แม้ว่าจะรู้สึกขัดใจมากกับคำพูดของอีกฝ่ายในตอนนั้นก็ตาม แต่เพื่อมารยาทที่ดี ก็ต้องอดทนหน่อยนะ
6.หัดชมคนอื่นบ้าง
ชมในข้อดีของอีกฝ่ายที่มีอย่างจริงใจ โดยไม่จำเป็นต้องพยายามพูดให้อีกฝ่ายรู้สึกดี เพราะอีกฝ่ายจะดูออกทันทีว่าเรานั้นไม่จริงใจ แทนที่จะคนได้ยินจะรู้สึกดี อาจรู้สึกแย่และเสียความรู้สึกได้ แต่ถ้าเป็นข้อเสียที่เรามองเห็นจากอีกฝ่าย ให้เก็บบทเรียนสอนตัวเองว่าเราจะไม่ทำเช่นนั้น โดยไม่จำเป็นต้องไปตำหนิอีกฝ่ายให้เกิดความบาดหมางต่อกัน
7. มีน้ำใจ
การมีน้ำใจของคนในสังคมยุคนี้ อาจกลายเป็นความเสียเปรียบสำหรับใครหลาย ๆ คน แต่ถ้าลองสังเกต เมื่อไรก็ตามที่ได้รับรู้ข่าวเกี่ยวกับความช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือสัตว์ หรือช่วยเหลือคนที่กำลังลำบาก มักจะสร้างความรู้สึก full feel ให้กับเรา ใจฟู อิ่มเอม ใช่ไหม แล้วทำไมการที่เราจะมีน้ำใจให้ผู้อื่น จะไม่สร้างความรู้สึกดีกับผู้ที่ได้รับล่ะ แค่มีน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ความช่วยเหลือที่เราทำให้ได้ เช่น การหลีกทาง ช่วยถือของ แบ่งปันสิ่งของ เป็นต้น นอกจากสร้างความสุขให้กับคนรับ ยังทำให้เรามีความสุขกับการแบ่งปัน เป็นคนน่ารักแก่คนที่พบเห็น และยังเป็นการสรรสร้างให้สังคมน่าอยู่มากยิ่งขึ้น
เพียงเท่านี้คุณก็จะเป็นคนนิสัยน่ารัก มีมารยาท ใครก็อยากรู้จักและอยู่ใกล้แล้วค่ะ ลองหัดกับคนใกล้ตัวจนกลายเป็นนิสัย และอย่าลืมทำอย่างจริงใจด้วยนะคะ