หมู่เลือดของคนเราจะแบ่งออกเป็น 4 กรุ๊ปเลือดด้วยกัน ได้แก่ เลือดกรุ๊ป A , B , AB และ กรุ๊ป O โดยกลุ่มกรุ๊ปเลือดที่มีมากที่สุดในโลก คือ เลือดกรุ๊ป O แต่ขณะเดียวกันก็มีงานวิจัยเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพของชาวเลือดกรุ๊ปโอ ว่ามีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้มากที่สุดเช่นกัน วันนี้เราจะมาดูกันว่าโรคใดที่ส่งผลต่อปัญหาสุขภาพเลือดกรุ๊ป O มีอะไรบ้าง ใครที่เป็นชาวโอ ลองสังเกตดูสิว่าตรงกับที่ตนเจออยู่บ่อย ๆ บ้างไหม หรือถ้าใครไม่รู้ว่าตัวเองมีเลือดกรุ๊ปอะไร หากมีอาการต่อไปนี้ ไม่แน่นะ อาจเข้าข่ายเป็นชาวเลือดกรุ๊ปโอก็ได้นา
ท้องอืด แน่นท้อง
ชาวเลือดกรุ๊ปโอมักจะมีกรดแก๊สในกระเพาะอาหารค่อนข้างมาก มีการเผาผลาญสูง จึงสามารถย่อยอาหารประเภทเนื้อสัตว์ที่ย่อยยากได้ดีกว่าเลือดกรุ๊ปอื่น แต่ขณะเดียวกัน ก็มักจะมีปัญหาระบบการย่อย มีอาการแน่นท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ จากการที่มีลมในกระเพาะอาหารเยอะนั่นเอง
แผลในกระเพาะอาหาร
ส่วนใหญ่ผู้ป่วยโรคแผลในกระเพาะอาหารจะเป็นชาวกรุ๊ปโอมากกว่าเลือดกลุ่มอื่น เนื่องจากเซลล์ผิวเยื่อบุอาหารของชาวเลือดกรุ๊ป O สามารถจับกับเชื้อแบคทีเรียในกระเพาะอาหาร H. pylori (Helicobacter pylori) หรือ เชื้อเอชไพโลไรได้ดีกว่า จึงมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดแผลในกระเพาะอาหารจากการติดเชื้อดังกล่าว
โรคต่อมไทรอยด์อักเสบ Hashimoto
โรคต่อมไทรอยด์อักเสบฮาชิโมโตมักจะเกิดภาวะไทรอยด์อักเสบก่อน จากนั้นต่อมไทรอยด์จะทำงานมากกว่าปกติ และตามด้วยระบบการทำงานที่ต่ำกว่าปกติของต่อมไทรอยด์ โดยโรคต่อมไทรอยด์อักเสบชนิดนี้มักจะพบในกลุ่มคนที่มีเลือดกรุ๊ป O
ลองโควิด
จากงานวิจัยในประเทศสเปน มีผลออกมาว่า คนเลือดกรุ๊ป O มีค่าสารเคมีในเลือดที่ก่อให้เกิดการอักเสบได้มากที่สุด จึงทำให้ชาวกรุ๊ปโอเสี่ยงที่จะมีอาการลองโควิดได้มากกว่าคนเลือดกรุ๊ปอื่น ๆ
โรคหนังแข็ง (Scleroderma)
โรคหนังแข็ง หรือ Scleroderma คือ โรคที่อยู่ในกลุ่มของโรคระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายผิดปกติ ลักษณะของโรคเกิดจากการสะสมของเส้นใยคอลลาเจนที่มากเกินไป ทำให้เกิดการแข็งตัวและหนาบริเวณผิวหนัง เป็นโรคเรื้อรังชนิดไม่ติดต่อ พบได้ไม่บ่อยนัก มีโอกาสเพียง 1,000 ต่อ 67 ล้านคน และส่วนมากผู้ที่ป่วยด้วยโรคนี้จะเป็นคนกลุ่มเลือดกรุ๊ปโอ
กลุ่มอาการ สตีเวนส์ จอห์นสัน หรือ SJS (Steven Johnson Syndrome)
อาการ SJS มีผลมาจากภูมิคุ้มกันในร่างกายตอบสนองไวผิดปกติ เมื่อมีปัจจัยมากระตุ้น ทำให้เซลล์ผิวหนังและเยื่อบุผิวทั่งร่างกายเกิดการอักเสบ เช่น การติดเชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา โรคมะเร็ง หรือ ผลข้างเคียงจากการใช้ยารักษาโรคบางชนิด โดยจากการศึกษาและผลวิจัยในปี 2017 พบว่า ผู้ป่วยกลุ่มอาการสตีเวนส์ จอห์สัน ส่วนใหญ่มักจะมีเลือดกรุ๊ป O
ภาวะมีบุตรยาก
ไหนว่าโลกนี้มีชาวเลือดกรุ๊ป O มากที่สุด แล้วทำไมจึงเสี่ยงต่อภาวะมีบุตรยากมากกว่าเลือดกรุ๊ปอื่น ๆ ? จากการศึกษาของนักวิทยาศาสตร์จาก Yale University และ Albert Einstein College of Medicine พบว่า ชาวเลือดกรุ๊ป O มีโอกาสเกิดภาวะมีบุตรยาก มากกว่าเลือดกรุ๊ปอื่น ๆ ถึง 2 เท่า เนื่องจากผู้ที่มีเลือด O จะมีการผลิตฮอร์โมน FSH ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่กระตุ้นการตกไข่มากเกินไป เป็นสาเหตุของรังไข่ผลิตไข่ได้น้อยลง ส่งผลต่อการมีบุตรยากตามมา
